คุยครับผม แล้วเมียผมก็บอกว่าเขาไม่ได้ยิน ไม่ต้องคุย ดับฝันฉันอีกแล้ว" บอยพูดพลางหัวเราะ
เราว่ามันเป็นเสน่ห์น่ะ และเราก็เป็นแบบคุณ ต่างกันแค่ครั้งนึงเราเคยเจอจุดเปลี่ยน ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่อันที่จริงก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากหรอก แค่มั่นใจในตัวเองมากขึ้น กล้าได้ กล้าเสีย กล้าตัด เรื่องที่ไม่สำคัญออกไป...
ในบางสถานการณ์การโกหกนิด ๆ ก็เป็นเรื่องจำเป็น และอาจช่วยกอบกู้สถาการณ์ให้ดีขึ้นได้ แต่ในที่นี้ต้องไม่ใช่การโกหกรุนแรงจนสร้างความเสียหายให้ผู้อื่น. ตราบใดที่มนุษย์ยังถูกขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ การที่เราโกหกนิด ๆ ขี้โกงหน่อย ๆ แต่สร้างผลลัพธ์ที่ดีขึ้นกับทั้งสองฝ่าย ก็อาจเป็นการดีกว่า พูดอะไรออกไปแบบเถรตรงเกินไป.. 7) เลิกผูกมัดกับกฎเกณฑ์ว่าต้องทำ คนที่เลิกไม่ได้: ผูกมัดกับกฎเกณฑ์ทางความคิดจนขยับตัวไม่ได้ คนที่เลิกได้: เปลี่ยนสถาการณ์ต่าง ๆ จนเกิดประโยชน์ต่อตัวเองได้. หลายคนอาจติดกับกฎเกณฑ์ทางความคิดที่ถูกฝังหัวมาแต่เด็ก เช่น ถ้าเป็นผู้ชายต้องทำแบบนี้ ถ้าเป็นผู้หญิงต้องทำแบบนั้น หรือ อย่าไปอยู่ตัวคนเดียวนะ มันดูไม่ดี. ถ้าเรามีกฎเกณฑ์พวกนี้อยู่ในหัว อาจลองถามตัวเองดี ๆ ว่ากฎเกณฑ์พวกนี้มันจำเป็นกับชีวิตเราจริง ๆ หรือ หลายครั้งเพียงการตั้งคำถามเล็ก ๆ ก็ช่วยให้เราเปลี่ยนกรอบความคิด และสลัดตัวเองจากฎเกณฑ์ไม่เข้าท่าหลาย ๆ อย่างได้. ลองทิ้งกฎเกณฑ์บางอย่าง และออกไปสนุกกับชีวิตดูบ้าง ชีวิตมีอะไรมากกว่าแค่กฎเกณฑ์ที่ท่องจำกันมาแต่เด็กเยอะ.. …………………………………………………………………………………………………….. ผู้เขียน: โกะโด โทคิโอะ ผู้แปล: อาคิรา รัตนาภิรัต สำนักพิมพ์: อมรินทร์ How to จำนวนหน้า: 182 หน้า เดือนปีที่พิมพ์: 2018 หมวดหมู่: การพัฒนาตัวเอง, how to ……………………………………………………………………………………………………... สั่งซื้อหนังสือได้ที่.. #หลังอ่าน #หนังสือควรอ่านก่อนอายุ30 #100เล่มควรอ่านก่อน30 #เลิกเป็นคนดีแล้วจะมีความสุข
เลิกเป็นคนดีกันได้แล้ว!. ใครชอบหนังสือแปลญี่ปุ่นสไตล์ที่เขียนตรงไปตรงมา ยังไงเล่มนี้ก็ไม่ควรพลาดครับ อ่านไม่นานก็จบแล้ว บางเรื่องหยิบมาใช้ได้เลย บางเรื่องเฉย ๆ ก็ปล่อยผ่านไป. ขอเลือก 7 เรื่องที่ส่วนตัวผมชอบมากที่สุดมาเล่าให้ฟังครับ. 1) เลิกเป็น 'คนดี' คนที่เลิกไม่ได้ จะเจอแต่ความสัมพันธ์ที่น่าอึดอัด คนที่เลิกได้ จะเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเป็นธรรมชาติ. 'คนดี' คือคนที่พยายามทำให้คนอื่นพอใจ หรือคิดถึงความรู้สึกของคนอื่น แต่หลายครั้งการเป็นคนดีมากเกินไป ก็คือการปิดบังความรู้สึกของตัวเอง และเลือกที่จะแสดงออกแต่การเอาใจคนอื่น จนหลายครั้ง กลายเป็นเหมือนเราใส่หน้ากากเข้าหาคนอื่น เพราะไม่มีใครรู้จักตัวตนของเราที่อยู่ข้างใน. เมื่อไม่มีใครรู้จักตัวตนจริง ๆ ของเราแล้ว แม้เราจะเลี่ยงที่จะถูกเกลียดได้ แต่ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นก็คงจะเป็นได้แค่ผิวเผิน. หนำซ้ำตัวเราเองอาจขาดความน่าสนใจที่จะให้คนอื่นออกค้นหา จนกลายเป็นว่า คนอื่นเลิกให้ความสนใจกับเราไปเลย. การลองหันกลับมาให้ความสำคัญกับความรู้สึกตัวเองเป็นสิ่งที่ควรทำ จงตระหนักไว้ว่า ทุกคนล้วนเป็นเหมือนดินสอสีแท่งหนึ่ง ในโลกที่มีมากกว่า 7000 ล้านแท่ง สีของดินสอแต่ละสีมีความเฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร และการจะไปบอกว่าสีหนึ่งดีกว่าอีกสี ก็คงเป็นไปไม่ได้.
ทำตัวให้มีประโยชน์ไม่ใช่การทำตัวดี ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าการทำตัวให้มีประโยชน์มันไม่จำเป็นต้องทำตัวดีและไม่ใช่การทำตัวดีด้วย และที่สำคัญ การทำตัวให้มีประโยชน์ก็ไม่ใช่หมายถึงการเป็นคนไม่ดีด้วยเช่นกัน แต่การทำตัวให้มีประโยชน์นั้นจะทำให้เราเป็นคนที่ทำงานได้ดีขึ้นแถมยังมีโอกาสที่จะทำให้เราเป็นที่น่าสนใจได้มากขึ้นไปด้วย