Home > 5 อาการ ที่บอกว่าคุณ "เครียด" เกินไปแล้ว เพราะความเครียด ไม่ได้ส่งผลร้ายต่อจิตใจเพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลต่อปัญหาสุขภาพกายอีกด้วย ซึ่งนี่คือ 5 อาการเตือนจากร่างกายที่บอกว่า คุณกำลัง "เครียด" เกินไปแล้ว!
ช่วงนี้ฝนตกฟ้าครึ้มรถติดเป็นประจำทำให้หดหู่ ไหนจะเรื่องการเรียน, การทำงาน, หรือความกดดันจากการใช้ชีวิตในด้านอื่น ๆ อาจทำให้หลายคนเกิดความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว บางคนเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่กระตือรือร้นหรือไม่มีความสุขในการใช้ชีวิตเท่าเมื่อก่อน แนะนำว่าไม่ควรปล่อยให้ตัวเองจมจ่อมกับความรู้สึกด้านลบเป็นเวลานาน เราเข้าใจถึงความรู้สึกเหล่านี้ดี จึงแนะนำ 25 วิธีง่าย ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องไม้เครื่องมือหรือเงินมากมาย แต่ก็สามารถช่วยให้ทุกคนรู้สึกแจ่มใสขึ้นได้แน่นอน จะเลือกทำตามเพียงบางวิธีที่ชอบ หรือจะทำตามนี้ทุกวิธีเลยก็ได้นะ! วิธีขจัดความเครียด ดีท็อกซ์จิตใจให้แจ่มใส 1. ออกไปเที่ยวที่ใหม่ ๆ, ออกไปเดินเล่นในสวน มีหลายผลการวิจัยยืนยันว่าการอยู่ในพื้นที่สีเขียวและการเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจสามารถช่วยให้สภาพจิตใจของเราแจ่มใสขึ้นได้จริง ๆ อาจจะพกกล้องไปเป็นตัวช่วยเสริมให้รู้สึกสนุกมากขึ้นก็ได้ instagram 2. ทำเล็บ, ตัดผมใหม่ แน่นอนว่าการทำเล็บหรือเปลี่ยนทรงผมจะช่วยให้เรารู้สึกสดใสและเปลี่ยนเป็นคนใหม่ได้ ลองหาไอเดียการทำเล็บแบบที่ชอบหรือทรงผมน่ารัก ๆ ดูจาก AkeruFeed ก็ได้นะ weheartit 3. บำรุงผิวหน้าและผิวกาย ไม่ว่าจะเป็นการมาสก์หน้า ขัดตัว ไปสปา หรือนวดผ่อนคลายก็เป็นอีกวิธีที่ทำให้เรารู้สึกสดชื่นและมั่นใจตัวเองมากขึ้น แถมยังทำให้ผิวสวยขึ้นอีกด้วย 4.
กำหนดเป้าหมาย 2-3 ข้อที่อยากทำให้สำเร็จภายในเดือนนี้ อาจจะเริ่มจากการตั้งเป้าหมายง่าย ๆ ก่อน เช่น ออมเงินเพิ่ม 100 บาท แล้วทำให้สำเร็จ เพราะการทำสำเร็จตามเป้าหมายไม่ว่าเล็กหรือใหญ่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง ซึ่งเป็นอีกวิธีที่ทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น 15. ลองนั่งสมาธิ 5-15 นาที จะช่วยให้ใจเย็นลงและอารมณ์ดีขึ้น จริง ๆ แล้วการนั่งสมาธิไม่ใช่พิธีกรรมทางศาสนา แต่เป็นเพียงวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ใจเย็นลง สุขุมรอบคอบ และไม่ฟูมฟายกับเรื่องต่าง ๆ ซึ่งวิธีปฏิบัติคือการนับลมหายใจเข้า-ออกเท่านั้น ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้สมองปลอดโปร่งได้ดีทีเดียว 16. หาวันว่างที่ไม่ต้องทำอะไรเลย, นอนพักผ่อนอยู่บ้านทั้งวัน บางครั้งการไม่ทำอะไรเลยก็คือการพักผ่อนที่ดีที่สุด เนื่องจากที่ผ่านมาเราอาจจะวุ่นวายกับสิ่งต่าง ๆ มามากแล้ว ให้ใช้เวลาในวันหยุดนอนเยอะ ๆ ทำกิจกรรมเบา ๆ อยู่กับบ้านให้ใจได้ผ่อนคลายขึ้น 17. ทบทวนข้อดีของตัวเองสัก 10 ข้อ แล้วบันทึกลงสมุดเพื่อเพิ่มความมั่นใจ อาจจะฟังดูเขิน ๆ แต่นี่เป็นอีกวิธีที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจและทำให้เห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น เพราะเมื่อเรารู้สึกดีกับตัวเองแล้ว สภาพจิตใจของเราก็จะดีขึ้นตามไปด้วย 18.
จุดเทียนหอม, น้ำมันหอมระเหยเพื่อผ่อนคลาย หลักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่ากลิ่นหอมที่สกัดจากพืชพรรณธรรมชาติสามารถบรรเทาโรคและผ่อนคลายประสาทได้จริง ๆ อาทิเช่น กลิ่นลาเวนเดอร์และโรสแมรี่ ทำให้รู้สึกใจเย็นลงและอารมณ์ดีขึ้น ลองเลือกกลิ่นที่ตัวเองชอบดูนะ 5. เข้านอนเร็วขึ้น หากปกตินอนดึกบ่อย ๆ แนะนำให้ลองเปลี่ยนมานอนเร็วขึ้น เพราะยิ่งพักผ่อนมากก็ยิ่งทำให้เซลล์และระบบต่าง ๆ ในร่างกายฟื้นฟูตัวได้ดี ทำให้ตื่นนอนแล้วรู้สึกสดชื่นกว่าปกติ pinterest 6. เล่น SNS ให้น้อยลง, เลิกติดตามคนที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดี บางครั้งเรารับความรู้สึกด้านลบจากแอปต่าง ๆ ใน SNS โดยไม่รู้ตัว ลองลดเวลาใช้งานหรือ unfollow, mute คนที่ทำให้เราอึดอัดใจ แล้วจะรู้สึกดีขึ้นแน่นอน 7. จัดห้องให้สะอาดขึ้น, ซื้อของตกแต่งเพิ่มความสดชื่น ลองหันมาทำความสะอาดห้อง เมื่อทุกอย่างเป็นระเบียบแล้วจะทำให้สบายตามากขึ้น หรือจะตกแต่งห้องด้วยรูปภาพ, ต้นไม้น่ารัก ๆ ก็ช่วยได้ ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นแน่นอน 8. ออกกำลังกายสักหน่อยเพื่อเพิ่มความสดชื่น ใครที่ไม่ค่อยชอบออกกำลังกาย แนะนำให้ลองบริหารร่างกายง่าย ๆ ดูก่อน เพราะการออกกำลังกายทำให้จิตใจปลอดโปร่งและช่วยให้เลือดหมุนเวียนดีขึ้น แถมยังทำให้หุ่นดีอีกด้วย 9.
บันเทิง 24 มี. ค. 2565 เวลา 11:27 น.
ความเครียด เป็นเรื่องไม่น่านิ่งนอนใจ เพราะถ้าเกิดคุณมีอาการเครียดสะสม แบบไม่รู้ตัว อาจทำให้คุณกลายเป็นโรคเครียดได้ เมื่อเป็นโรคเครียด คุณอาจไม่ได้แค่เสียสุขภาพจิต และ ไม่ได้อยู่แค่สภาวะทางจิตใจอีกต่อไป แต่จะมีผลโดยตรงต่อสุขภาพทางร่างกาย ของคุณด้วยเช่นกัน ดังนั้น ป้องกันไว้ก่อน ดีกว่าต้องมาแก้ และรักษาที่หลังนะทุกคน บทความจากพันธมิตร ที่มาข้อมูล: 1 บทความที่เกี่ยวข้อง: กิจกรรมฮา ๆ ที่บ้าน คลายเครียด ให้เหมือนได้เที่ยวช่วงโควิด กำลังหงุดหงิดอยู่หรือเปล่า?? มาดู 10 อาหารคลายเครียด กัน 8 วิธีลดความเครียด สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ เครียดมากส่งผลต่อลูกในท้อง มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!