3) ส่วนใหญ่เกิดในป่าสนในเขตอบอุ่น ไฟชนิดนี้มีอัตราการลุกลามที่รวดเร็วมาก และเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับพนักงานดับไฟป่า ทั้งนี้เนื่องจากไฟมีความรุนแรงมากและมีความสูงเปลวไฟประมาณ 10 - 30 เมตร แต่ในบางกรณีไฟอาจมีความสูงถึง 40 - 50 เมตร โดยเท่าที่ผ่านมาปรากฎว่ามีพนักงานดับไฟป่า จำนวนไม่น้อยถูกไฟชนิดนี้ล้อมจนหมดทางหนีและถูกไฟครอกตายในที่สุด ไฟเรือนยอดโดยทั่วไปอาจต้องอาศัยไฟผิวดินเป็นสื่อไม่มากก็น้อย ดังนั้น เพื่อความชัดเจน จึงสามารถแบ่งไฟเรือนยอดออกเป็น 2 ชนิดย่อย ได้ดังนี้ 3. 1 ไฟเรือนยอดที่ต้องอาศัยไฟผิวดินเป็นสื่อ (Dependent Crown Fire) คือไฟเรือนยอดที่ต้องอาศัยไฟที่ลุกลามไปตามผิวดินเป็นตัวนำเปลวไฟขึ้นไปสู่เรือนยอดของต้นไม้อื่นที่อยู่ใกล้เคียง ไฟชนิดนี้มักเกิดในป่าที่ต้นไม้ไม่หนาแน่น เรือนยอดของต้นไม้จึงอยู่ห่างกัน แต่บนพื้นป่ามีเชื้อเพลิงอยู่หนาแน่นและต่อเนื่อง การลุกลามของไฟจากยอดไม้ต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่งต้องอาศัยไฟที่ลุกลามไปตามผิวดินเป็นตัวนำเปลวไฟไปยังต้นไม้ จนต้นไม้ที่ไฟผิวดินลุกลามไปถึงแห้งและร้อนจนถึงจุดสันดาป ลักษณะของไฟชนิดนี้ จะเห็นไฟผิวดินลุกลามไปก่อนแล้วตามด้วยไฟเรือนยอด 3.
หัวไฟ คือ ส่วนของไฟที่ลุกลามไปตามทิศทางลม มีอัตราการลุกลามรวดเร็วที่สุด และมีอันตรายที่สุด 2. หางไฟ คือ ส่วนที่ไหม้ในทิศตรงกันข้ามกับหัวไฟ หรือไหม้ทวนลม 3. ปีกไฟ คือ ส่วนที่ไหม้ตั้งฉากไปกับทิศทางของหัวไฟ แบ่งเป็นปีกซ้ายและปีกขวา 4. นิ้วไฟ คือ ส่วนของไฟที่ไหม้เป็นแนวยาวแคบๆ ยื่นออกจากตัวไฟหลัก แต่ละนิ้วไฟจะมีหัวไฟและปีกไฟของมันเอง 5. ขอบไฟ คือ ขอบเขตของไฟป่านั้นๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจกำลังไหม้ลุกลามหรือเป็นช่วงที่ไฟนั้นได้ดับลงแล้ว 6. ง่ามไฟ คือ ส่วนขอบไฟที่อยู่ระหว่างนิ้วไฟ มีอัตราการลุกลามช้ากว่านิ้วไฟ 7. ลูกไฟ คือ ส่วนของไฟที่ไหม้นำหน้าตัวไฟหลัก เกิดจากสะเก็ดไฟถูกลมพัดให้ปลิวไปตกหน้าแนวไฟหลัก ชนิดของไฟป่า ในประเทศไทยได้ยึดเอาวิธีการแบ่งชนิดของไฟป่าตามวิธีของ Brown และ Davis(1973) โดยได้จำแนกไฟป่าออกเป็น 3 ชนิด ตามลักษณะเชื้อเพลิงที่ถูกเผาไหม้ โดยเริ่มตั้งแต่ในดินจนถึงเรือนยอดของต้นไม้ คือ 1.
2 ลม เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พฤติกรรมของไฟเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดทั้งทิศทางและอัตราความเร็วของไฟขึ้นอยู่กับทิศทางและความเร็วของลม นอกจากนี้ลมยังเป็นตัวช่วยเพิ่มแลออกซิเจนให้แก่กองไฟ ทำให้การลุกไหม้รุนแรงเพิ่มขึ้น ไฟที่จวนจะดับอยู่แล้ว อาจลุกขึ้นมาได้อีกหากมีลมช่วย 2. 3 ความชื้นสัมพัทธ์ (relative humidity) มีผลต่อการติดไฟของเชื้อเพลิง ถ้าอุณหภูมิสูงความชื้นสัมพัทธ์จะต่ำ เชื้อเพลิงขนาดเล็กมีความชื้นน้อยซึ่งจะติดไฟง่ายและลามเร็ว 3. ภูมิประเทศ ลักษณะภูมิประเทศที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของไฟ ได้แก่ 3. 1 ความลาดชัน (slope) เป็นตัวกำหนดความเร็วของทิศทางไฟ โดยปกติไฟจะลุกลามขึ้นไปตามความลาดชันของภูเขาอยู่เสมอในเวลากลางวัน และการลุกลามจะเป็นไปได้รวดเร็วกว่าไหม้ลงเขาหรือไหม้ไปตามที่ราบ ทั้งนี้เพราะยอดของเปลวไฟจะพุ่งขึ้นไปก่อน ทำให้เชื้อเพลิงด้านบนแห้ง และติดไฟได้ง่าย 3. 2 ทิศด้านลาด (aspect) ด้านลาดชันของภูเขาที่รับแสงและลมเชื้อเพลิงจะแห้งและจะลุกไหม้ได้เร็วกว่าโดยเฉพาะหากเป็นด้านรับลมด้วยแล้วการลุกลามของไฟก็จะเร็วมากขึ้น 3. 3 ความสูง ไฟไหม้บนพื้นที่สูงลมมักพัดแรง ไฟจะลามเร็วในเวลากลางวันซึ่งยากแก่การควบคุม 3.
เมื่อทำการเผ่าไร่ในพื้นที่ควบคุมดูแลไฟไม่ให้ลุกลามเข้าไปในป่า และควรทำแนวป้องกันไฟป่าก่อนเผาทุกครั้ง2. ไม่จุดไฟเผาป่าเพื่อล่าสัตว์ และไม่จุดไฟเล่นด้วยความสนุกหรือคึกคะนอง 3. ระมัดระวังการใช้ไฟ เมื่ออยู่ในป่าหรือพักแรมในป่า หากมีความจำเป็นต้องใช้ไฟ ควรดับไฟให้หมดก่อนออกจากป่า 4. เมื่อพบเห็นไฟไหม้ป่าหรือสวนป่า ให้ช่วยกันดับไฟป่าหรือแจ้งหน่วยราชการที่อยู่บริเวณใกล้เคียง 5. มีส่วนร่วมด้านการประชาสัมพันธ์ ชี้ให้เห็นความสำคัญของป่าไม้และความเสียหายที่เกิดจากไฟป่าและโทษที่จะได้รับ หรือเป็นอาสาสมัครป้องกันไฟป่า 6. ช่วยเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ในการส่องดูแลไม่ให้เกิดไฟไหม้ป่ารวมทั้งช่วยจับกุมผู้ฝ่าฝืนมาลงโทษตากฎหมาย เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่นต่อไป
005 การเผาไหม้แทบจะไม่เกิดขึ้น ยกเว้นความชันมากกว่า 31 องศา Packing Ratio 0. 01-0. 03 ความชันไม่เกิน 10 องศา หากเกิดการเผาไหม้อัตราการลุกลามของไฟจะคงที่ Packing Ratio 0. 03 ความชัน 10-25 องศา หากเกิดการเผาไหม้อัตราการลุกลามของไฟจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย Packing Ratio 0. 03 ความชันตั้งแต่ 25-31 องศา หากเกิดการเผาไหม้อัตราการลุกลามของไฟจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทิศด้านลาด หรือ ทิศทางของความลาดชัน (aspect) ทิศด้านลาดทิศใต้และทิศตะวันตก จะได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ในช่วงเวลาบ่าย เชื้อเพลิงจะแห้งกว่า ทำให้ไฟลุกลามได้เร็วกว่าไฟที่เกิดทางทิศด้านลาดทิศเหนือและทิศตะวันออก ซึ่งได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ในช่วงเวลาเช้า ตัวอย่างปัจจัยด้านภูมิประเทศที่ส่งผลต่อพฤติกรรมไฟป่าในจังหวัดเพชรบูรณ์ (ซ้าย) ความชัน (ขวา) ทิศด้านลาด... บทความล่าสุด: เยี่ยมชม facebook: มิตรเอิร์ธ – mitrearth สันติ ภัยหลบลี้ ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
แม่ฮ่องสอน -ผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอน กำชับร่วมกันแก้ไขปัญหาหมอกควัน-ไฟป่า คาดปีนี้จะหนักและรุนแรงมากกว่าทุกปี เผย อ.
1 ใช้สำหรับฉีดลดความร้อนของไฟในการดับไฟทางตรง เพื่อให้เครื่องมือดับไฟป่าชนิดอื่นสามารถเข้าไปทำงานที่ขอบของไฟได้ 1. 2 ใช้ในการกวาดเก็บ โดยฉีดพรมแนวดำ ฉีดดับไฟที่ยังเหลือค้างอยู่ในโพรงไม้ ในรอยแตกของไม้ หรือในฐานกอไผ่ ที่เครื่องมืออย่างอื่นเข้าไปทำงานไม่ได้ 1. 3 ใช้เป็นที่สำรองน้ำสำหรับการยังชีพในป่าของพนักงานดับไฟป่า 2. 1 ตรวจสอบรอยต่อของสายยางกับตัวถัง และรอยต่อของสายยางกับที่สูบมือ ให้แน่นสนิทไม่รั่วซึม 2. 2 ตรวจสอบลูกยาง แผ่นปะเก็นในกระบอกของที่สูบมือ เปลี่ยนใหม่ทันทีเมื่อชำรุดหรือหมดอายุการใช้งาน 2. 3 หากคันชักของที่สูบมือเริ่มฝืด จะต้องชะโลมด้วยน้ำมันหล่อลื่นทันที 2. 4 ตรวจสอบตัวถังฉีดน้ำ เพื่อหารอยรั่ว หรือรอยแตกร้าว อันจะทำให้น้ำรั่วซึมออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถังอ่อนแบบพับได้ ซึ่งมีโอกาสถูกหนามหรือหินแหลมคมเกี่ยวขาดหรือเจาะทะลุเป็นรูได้ง่าย 2. 5 อย่าวางถังฉีดน้ำดับไฟป่าไว้ในที่ที่ถูกแสงแดด เพราะจะทำให้ตัวถังที่ทำจากพลาสติก หรือผ้าใบเคลือบยางแห้งกรอบ อายุการใช้งานจะลดลงมาก 2. 6 การวางถังฉีดน้ำที่ทำจากพลาสติกในขณะที่มีน้ำเต็ม ต้องวางด้วยความระมัดระวัง เพราะหากวางกระแทกกับพื้นโดยแรง จะทำให้ถังแตกได้ง่าย 2.
เผาไร่ เป็นสาเหตุที่สำคัญรองลงมา การเผาไร่ก็เพื่อกำจัดวัชพืชหรือเศษซากพืชที่เหลืออยู่ภายหลังการเก็บเกี่ยว ทั้งนี้เพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกในรอบต่อไป ทั้งนี้โดยปราศจากการทำแนวกันไฟและปราศจากการควบคุม ไฟจึงลามเข้าป่าที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง 3. แกล้งจุด ในกรณีที่ประชาชนในพื้นที่มีปัญหาความขัดแย้งกับหน่วยงานของรัฐในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องที่ทำกินหรือถูกจับกุมจากการกระทำผิดในเรื่องป่าไม้ ก็มักจะหาทางแก้แค้นเจ้าหน้าที่ด้วยการเผาป่า 4.
1 ใช้ในการขุดร่องสนามเพาะเพื่อเป็นแนวกันไฟในการดับไฟกึ่งผิวดินกึ่งใต้ดิน และไฟใต้ดิน โดยการใช้ด้านที่เป็นจอบหน้าแคบในการขุดดินและเชื้อเพลิง ในขณะที่ด้านที่เป็นขวานใช้ในการตัดรากไม้ที่สานกันแน่น 1. 2 ใช้ในการทำแนวกันไฟเพื่อดับไฟเรือนยอดและไฟผิวดิน โดยใช้โค่นต้นไม้ ตัดไม้พุ่ม ตัดขอนไม้ หรือริดกิ่งไม้ 1. 3 ใช้ในการกวาดเก็บ โดยใช้ส่วนที่เป็นขวานในการถากเชื้อเพลิงที่ยังติดไฟออกจากต้นไม้ ขอนไม้ ตอไม้ รากไม้ และใช้ส่วนที่เป็นจอบหน้าแคบเพื่อขุดรากไม้ตรวจสอบว่ามีไฟไหม้รากไม้ใต้ดินหรือมีรากไม้ที่ลอดใต้แนวดำออกไปนอกพื้นที่ไฟไหม้หรือไม่ 1. 4 ใช้ในการขุดหลุมบุคคลสำหรับเป็นที่หลบกำบังจากไฟป่าในกรณีฉุกเฉิน แก้ไขล่าสุดเมื่อ: 27 ก. ย. 54 เวลา 15:57:15 น. จำนวนผู้เข้าชมหน้านี้: 6965 ท่าน