/เมตร 2) มีประวัติครอบครัวสายตรง พ่อ แม่ พี่หรือน้องเป็นโรคเบาหวาน เป็นโรคความดันโลหิตสูง มีระดับไขมันในเลือดผิดปกติ ไตรกลีเซอไรด์ > 250 มก. /ดล. และ/หรือ เอช ดี แอล คอเลสเตอรอล < 35 มก. /ดล. เคยได้รับการตรวจพบว่ามีภาวะระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารผิดปกติ (Impaired Fasting Glucose) หรือมีความทนทานต่อน้ำตาลบกพร่อง (Impaired Glucose Tolerance) มีโรคหัวใจและหลอดเลือด มีประวัติโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ มีประวัติเคยคลอดบุตรน้ำหนักเกิน 4 กิโลกรัม มีกลุ่มอาการถุงน้ำในรังไข่ การแปลผลระดับน้ำตาลในเลือดเพื่อวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ ปกติ ระดับน้ำตาลที่เพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคเบาหวาน โรคเบาหวาน Impaired Fasting Glucose (มก. ) Impaired Glucose Tolerance (มก. ) ระดับน้ำตาลขณะอดอาหาร < 100 (มก. ) 100-125 (มก. ) - > 126 (มก. ) ระดับน้ำตาลหลังดื่มน้ำตาลกลูโคส 75 กรัม < 140 (มก. ) 140-199 (มก. ) > 200 (มก. ) ระดับน้ำตาลที่เวลาใดๆในผู้ที่มีอาการชัดเจน น้ำตาลสะสม HbA1C < 5. 7% 5. 7-6. 4% > 6.
เบาหวานขึ้นจอตา Details Created on Friday, 30 December 2011 10:09 Written by admin โดย รศ. นพ. ดิเรก ผาติกุลศิลา เบาหวาน (diabetes mellitus) เป็นโรคที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนของร่างกายตามมาในหลายระบบ อาทิเช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ไตวาย เบาหวานขึ้นจอตา แผลที่เท้า เป็นต้น ในปัจจุบันพบโรคเบาหวานมาขึ้นเรื่อยๆ และเป็นปัญหาสำคัญทั่วโลก เบาหวานทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนทางตาหลายอย่าง เช่น ผิวกระจกตาหลุดลอก ต้อหิน ต้อกระจก ปลายประสาทเสื่อม เป็นต้น แต่ภาวะแทรกซ้อนที่เป็นสาเหตุของตาบอดที่สำคัญคือ ภาวะเบาหวานขึ้นจอตา (diabetic retinopathy) การมีระดับน้ำตาลสูงในเลือดเป็นเวลานานทำให้เกิดความผิดปกติของหลอดเลือดของจอตา ได้แก่ 1. มีการอ่อนแอของผนังหลอดเลือดของจอตา ทำให้หลอดเลือดฝอยโป่งพอง เรียกว่า ไมโครอะนูริซึม (microaneurysms) เป็นสิ่งตรวจพบอย่างแรกในผู้ป่วยที่เริ่มมีเบาหวานขึ้นจอตา ไมโครอะนูริซึมมักแตกทำให้เกิดจุดเลือดออกเล็กๆ (dot and blot hemorrhages) กระจายทั่วไป นอกจากนี้ ไมโครอะนูริซึม มักมีรูรั่วทำให้มีน้ำและไขมันรั่วออกมา ทำให้จอตาบวมน้ำและมีจุดไขมันสีเหลือง (lipid exudates) ถ้าจอตาบวมน้ำบริเวณจุดภาพชัด (macular edema) จะทำให้มีอาการตามัว 2.
ระยะเวลาที่เป็นเบาหวาน ยิ่งเป็นเบาหวานมานาน ยิ่งมีโอกาสพบมีเบาหวานขึ้นจอตาได้บ่อยและรุนแรงมากขึ้น 2. การคุมระดับน้ำตาล ยิ่งคุมได้ดี ยิ่งลดโอกาสเกิดและลดความรุนแรงของเบาหวานขึ้นจอตา 3. การมีไตวายจากเบาหวาน เป็นตัวบ่งชี้ว่าน่าจะมีเบาหวานขึ้นจอตาด้วยเช่นกัน การรักษาโรคไตมีส่วนช่วยให้เบาหวานขึ้นจอตาดีขึ้น 4. ความดันโลหิตสูงอาจทำให้เกิดความผิดปกติของหลอดเลือดของจอตา ซ้ำเติมภาวะเบาหวานขึ้นจอตามากยิ่งขึ้น 5. การมีไขมันในเลือดสูง การรักษาภาวะไขมันในเลือดสูงอาจช่วยลดการรั่วของไขมันสะสมที่จอตาได้ 6.
/ดล.
5 ทั้งสองกรณีให้วินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวาน สำหรับการตรวจหากลูโคสในปัสสาวะไม่นิยมเพราะผิดพลาดได้ง่าย สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อเบาหวานมีดังต่อไปนี้ (อ่านที่นี่) น้ำตาลอดอาหาร(FPG)อยู่ระหว่าง 100–125 mg/dl ค่าน้ำตาลหลังจากดื่นน้ำตาล 75 กรับที่ 2 ชม อยู่ระหว่าง( OGTT) 140–199 mg/dl ค่าน้ำตาลเฉลี่ย(HA1C) อยู่ระหว่าง 5. 7–6. 4% ในการตรวจหากลูโคสในกระแสเลือดควรคำนึงถึงยาที่ทำให้น้ำตาลสูงขึ้นเช่น steroid, thiazide, nicotinic acid, beta-block, ยาคุมกำเนิด การตรวจคัดกรองเบาหวานขณะตั้งครรภ์ [Gestational Diabetes:GDM] การคัดกรองของโรคเบาหวานชนิดที่หนึ่งไม่นิยมเนื่องจากราคาแพงและยังไม่เป็นที่ยอมรับ
/ดล. โดยไม่จำเป็นต้องอดอาหาร ระดับน้ำตาลก่อนรับประทานอาหารเช้า ตั้งแต่ 126 มก. ขึ้นไป อย่างน้อย 2 ครั้ง การตรวจโดยการให้รับประทานกลูโคส 75 กรัมพบว่ามีระดับน้ำตาลหลังรับประทานกลูโคสตั้งแต่ 200 มก. /ดล. ขึ้นไป ระดับน้ำตาลก่อนรับประทานอาหารเช้าที่อยู่ในช่วง 100-125 มก. /ดล. เรียกว่า ระดับน้ำตาลขณะอดอาหารผิดปกติ ระดับน้ำตาลหลังรับประทานกลูโคส 75 กรัม ที่อยู่ในช่วง 140-199 มก. /ดล. เรียกว่า ความทนต่อน้ำตาลบกพร่อง ทั้งสองภาวะนี้เรียกรวมกันว่าเป็น ระยะก่อนเป็นเบาหวาน ผู้ที่ควรตรวจหาโรคเบาหวาน ผู้ที่มีอาการของโรคเบาหวานดังข้างต้น อายุมากกว่า 40 ปี มีญาติสายตรงเป็นโรคเบาหวาน เคยมีระดับน้ำตาลอยู่ในระยะก่อนเบาหวาน เคยเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ คลอดบุตรหนักมากกว่า 4 กก.