ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณใช้คอนกรีตผสมที่เหมาะสม หากมีน้ำไม่เพียงพอหรือมีซีเมนต์มากเกินไปคอนกรีตจะไม่แห้ง ใช้เกรียงฉาบคอนกรีตให้เรียบ ตรวจสอบว่าไม่มีรอยแตกหรือรอยร้าวบนพื้นผิว นี่เป็นสิ่งสำคัญเพราะในขั้นตอนต่อไปนี้คุณจะต้องวางผนังคอนกรีตที่ต้องการพื้นผิวที่เรียบเนียน เมื่อคอนกรีตแห้งคุณสามารถใช้ระดับเพื่อให้แน่ใจว่าพื้นผิวเรียบ ส่วนที่ 2 การสร้างผนังของฐานราก ติดตั้งกรอบไม้ คุณจะใช้มันจมกำแพงของฐานราก แต่ละบอร์ดที่คุณเลือกจะต้องมีขนาด 60 ซม. คูณ 2 ม. (หนา 2 ถึง 4 ซม. ) ด้านที่สั้นกว่าของไม้กระดานจะลดลงในชั้นแรกของคอนกรีต คุณจะต้องมีไม้กระดานเพียงพอทั้งภายในและภายนอกคูน้ำเพื่อไม่ให้มีที่ว่างระหว่างพวกเขา คุณสามารถเทดินบางส่วนที่ด้านนอกของแบบหล่อเพื่อช่วยให้กระดานอยู่ตรง ถือแบบฟอร์มโดยการติดตั้งแท่งโลหะรอบ ๆ บอร์ด นอกจากนี้คุณยังสามารถตัดบอร์ดหรือแถบไม้อัดที่มีความกว้าง 15 ถึง 20 ซม. และยาว 60 ถึง 90 ซม. ที่คุณติดไว้กับแผ่นไม้ด้วยตะปูเพื่อเก็บไว้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแบบหล่อแข็งหรือคุณสามารถทำให้ "ระเบิด" และทำให้คอนกรีตของคุณหาย ใช้แถบจำนวนมากเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้น เตรียมคอนกรีตและโยนกำแพง คุณต้องทำให้แน่ใจว่าคุณมีส่วนผสมที่ลงตัวของคอนกรีต โดยทั่วไปคุณต้องติดตั้งแบบหล่อทั้งหมดก่อนที่จะเทคอนกรีตจากเครื่องผสมคอนกรีต พื้นผิวผนังที่คุณทิ้งไว้เหนือพื้นดินจะขึ้นอยู่กับระดับที่คุณต้องการอาคารของคุณ ติดตั้งสเตค หากคุณกำลังเทคอนกรีตใกล้มูลนิธิเก่าคุณจำเป็นต้องติดตั้งสเตคในผนังของข่าว เจาะระหว่างสามและสี่หลุมเว้นระยะห่างกันประมาณ 15 ซม.
ฐานต่อเนื่องรับกำแพง (Continuous Footing) ฐานต่อเนื่องรับกำแพง หมายถึงฐานรากที่ทำหน้าที่รองรับน้ำหนักจากผนังก่ออิฐ หรือผนังคอนกรีตเสริมเหล็กของอาคารหลาย ๆ ชั้น โดยขนาดความกว้างของฐานรากจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักที่กดลงสู่ฐานรากนั่นเอง 6. ฐานแผ่ร่วม (Combined Footing) ฐานแผ่ร่วม เป็นการออกแบบฐานรากเพื่อแก้ปัญหากรณีไม่สามารถสร้างฐานรากเดี่ยวที่สมมาตรได้ ซึ่งฐานรากที่ไม่สมมาตรนี้เมื่อรับน้ำหนักที่ถ่ายลงบนฐานไม่เท่ากัน ทำให้เกิดแรงเยื้องศูนย์ เพราะฐานรากที่ไม่สมมาตรจะทำให้เกิดแรงเยื้องศูนย์ เป็นผลทำให้อาคารทรุด เราจึงต้องใช้ฐานแผ่ร่วมเพื่อให้สมดุลกัน 7. ฐานรากชนิดมีคานรัด (Cantilever Footing) ถัดมาเป็นฐานรากชนิดมีคานรัด (Cantilever Footing) ฐานรากประเภทนี้ได้มีการออกแบบมาสำหรับแก้ปัญหาในกรณีที่ไม่สามารถสร้างฐานรากที่สมดุลหรือสมมาตรได้ เป็นฐานรากที่เหมาะกับเสาของอาคารที่จำเป็นจะต้องสร้างไว้ประชิดกับตัวอาคารเดิม หรือแนวดินที่ไม่สามารถกำหนดตำแหน่งของฐานให้ตรงกับแนวเสาตอม่อได้ ฐานรากชนิดมีคานรัดจึงถูกออกแบบมาให้มีคานคอนกรีตสำหรับแบกรับน้ำหนักจากเสาตอม่ออีกทีหนึ่ง 8. ฐานรากแพ (Mat or Raft Foundation) ฐานรากแพ (Mat or Raft Foundation) ฐานรากประเภทนี้เป็นฐานรากแบบร่วมขนาดใหญ่สำหรับใช้รับน้ำหนักของเสาหลาย ๆ ต้น โดยจะมีการแผ่บนพื้นที่กว้าง ส่วนมากจะใช้รับน้ำหนักของเสาทุกต้นของที่อยู่อาศัยหรืออาคารนั้น ๆ โดนส่วนมากจะใช้ฐานแพกับอาคารที่มีหลายชั้นหรืออาคารสูง ฐานรากแพมีจุดเด่นเมื่อเปรียบเทียบกับฐานรากเดี่ยว คือจะสามารถกระจายน้ำหนักสู่ดินหรือหินเบื้องได้ดีกว่ามาก และช่วยลดปัญหาการทรุดตัวของพื้นต่างระดับ เพราะฐานรากแพมีความต่อเนื่องกันตลอดโดยจะโยงยึดเป็นแพ แต่ในส่วนของการก่อสร้างฐานรากชนิดนี้ก็มีความยุ่งยากและค่าใช้จ่ายสูงกว่าฐานรากชนิดอื่น ๆ 9.
เมื่อขุดได้ระดับที่ต้องการแล้ว จะทำระดับตัดหัวเข็มให้สามารถวางฐานรากได้ตามแบบกำหนด การตัดหัวเสาเข็มอาจโผล่เหล็ก Dowel ไว้ดีกว่าเพราะช่วยเพิ่มแรงยึดเหนี่ยวระหว่างเสาเข็มและฐานราก แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบก่อสร้างหรือวิศวกรผู้ควบคุมงาน เสา เข็มในส่วนที่ยาวเกินความต้องการ ต้องเอาออกก่อน โดยใช้ไฟเบอร์ตัดรอบ ๆ และสกัดคอนกรีตออก หรือถ้าเป็นเสาเข็ม I ใช้ค้อนทุบที่ปีกเสา ใช้ที่ตัดเหล็กตัดลวดเหล็กเสริมคอนกรีตเสา หลังจากนั้นจึงใช้ไฟเบอร์ ตัดในตำแหน่งที่ต้องการ การตัดหัวเข็ม ต้องได้ระนาบสวย หลังจากตัดหัวเข็มแล้ว 3. ทำการบดอัดทรายหรือกรวด และเทคอนกรีตหยาบ โดยที่ต้องตรวจสอบให้ได้ระดับตามที่แบบก่อสร้างกำหนด การขุดดินฐานรากและการทำระดับตัดเสาเข็ม 4. ก่อนทำการเช็คศูนย์เสา ช่างทำการตรวจสอบ ผังที่วางเอาไว้ตั้งต่อตอนตอกเข็ม ว่าเคลื่อนหรือไม่ โดยจากเช็คจากหมุดอ้างอิงที่ทำไว้ตอนวางผัง 5. ตรวจสอบศูนย์เสาเข็ม เพื่อดูว่าเสาเข็มที่ทำไว้หนีศูนย์เกินกว่าค่าที่วิศวกรผู้ออกแบบได้ออกแบบ ไว้หรือไม่ หากหนีศูนย์เกินกว่าค่าที่กำหนดไว้จะได้ทำการแก้ไขต่อไปโดยอาจจะตอกเสาเข็ม แซม ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลพินิจของวิศวกรผู้ออกแบบ 6.
ก็คือตามภาพเลยครับ ช่างก็ขุดดินลึกไปประมาณ 1. 2 เมตร แล้วก็เอาโครงเหล็กที่จะหล่อเสาใส่ลงไป แล้วเทคอนกรีตฐานรากหนาประมาณ 30 เซนติเมตร จากนั้นก็หล่อเสาขึ้นมาอีกประมาณ 80 เซนติเมตร รวมสูง 1. 1 เมตร ซึ่งทำให้เสาฐานรากตอม่อ ที่มีปูนโอบอยู่ โอบเหล็กโครงเสาไม่พ้นขอบดินเดิม แล้วช่างก็เอาดินกลบเลย ซึ่งดินก็จะสัมผัสกับโครงเหล็กที่พ้นปูนที่หล่อประมาณ 5-10 เซนติเมตร ถามช่างว่า จะหล่อปูนขึ้นมาอีกให้เหนือดินเดิมไหม ช่างบอกว่าไม่แล้ว เพราะเดี๋ยวก็เทคานทันเลย พอช่างตอบเสร็จ เลยยังไม่ได้ถามช่างต่อ ผมเลยมาตั้งคำถามว่า เวลาเทคาน เค้าจะขุดร่องไปจนเจอขอบพื้นปูน(ที่สูง 1. 1 เมตร) ก่อนค่อยเทไหมครับ หรือเขาจะเทเลย แสดงความคิดเห็น
Posted: December 16, 2020 ผู้เขียน: siam woodworker หลังจากเอารถมาขุดหลุมและฝังเสาเข็มลงไปในบ่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงขั้นตอนการเทปูนทำฐานรากตอม่อครับ ส่วนประกอบของตอม่อจะมีเหล็กเส้นขนาด 12 มม. เป็นโครงหลัก และเหล็กขนาด 6 มม. เป็นเหล็กปลอกสี่เหลี่ยมที่รัดเอาเหล็กแกนเสาขนาด 12 มม.
397-2562 และมาตรฐานเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงหล่อสำเร็จ มอก. 396-2549 การผลิตที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย จากประเทศเยอรมัน เสาเข็มสามารถทำงานในที่แคบได้ หน้างานสะอาด ไม่มีดินโคลน ทดสอบการรับน้ำหนักโดยวิธี Dynamic Load Test ด้วยคุณภาพและการบริการที่ได้มาตรฐาน เสาเข็มเราจึงเป็นที่นิยมในงานต่อเติม รายการเสาเข็มภูมิสยาม เสาเข็มไอ ไมโครไพล์ (I Micropile) 1) I-18 รับนน. 15-20 ตัน/ต้น 2) I-22 รับนน. 20-25 ตัน/ต้น 3) I-26 รับนน. 30-35 ตัน/ต้น เสาเข็มสี่เหลี่ยม สปันไมโครไพล์ (Square Spun Micro Pile) 4) S18 รับนน. 18-22 ตัน/ต้น 5) S23 รับนน. 25-35 ตัน/ต้น เสาเข็มกลม สปันไมโครไพล์ (Spun Micro Pile) 6) Dia. 21 รับนน. 20-25 ตัน/ต้น 7) Dia. 25 รับนน. 25-35 ตัน/ต้น 8) Dia. 30 รับนน. 30-50 ตัน/ต้น (การรับน้ำหนักขึ้นอยู่กับสภาพชั้นดินในแต่ละพื้นที่) สอบถามเพิ่มเติมได้ 24ชม. ทุกวันค่ะ ☎️ 082-790-1447 ☎️ 082-790-1448 ☎️ 082-790-1449 ☎️ 091-9478-945 ☎️ 091-8954-269 📲 📥
สำหรับขั้นตอนการเทคอนกรีต ควรที่จะทำการแบ่งการเทออกเป็นชั้นๆ และควรให้ขนาดความหนาของคอนกรีตที่เทนั้นมีความสม่ำเสมอใกล้เคียงกันตลอดทั้งหน้าตัด โดยอาจจะเฉลี่ยความหนาดังกล่าวให้อยู่ที่ประมาณ 30 CM ถึง 40 CM ต่อชั้น เพื่อเป็นการควบคุมการก่อตัวของคอนกรีตในแต่ละชั้นที่ทำการเทให้มีความใกล้เคียงกันให้มากที่สุด 5.